วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
คลังข้อสอบ!!!
ข้อสอบ 7วิชาสามัญ คณิตศาสตร์ + เฉลย
ข้อสอบ 7วิชาสามัญ ฟิสิกส์ + เฉลย
ข้อสอบ 7วิชาสามัญ อังกฤษ + เฉลย
ข้อสอบ O-netปี49 สังคม+ เฉลย
ข้อสอบ O-netปี49 ภาษาไทย+ เฉลย
ข้อสอบ O-netปี49 วิทยาศาสตร์+ เฉลย
ข้อสอบ O-netปี50 สุขศึกษา+ เฉลย
ที่มา:: www.admission.in.th
www.eduzones.com
www.youtube.com
วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556
บทความ:ขี้เกียจอ่านหนังสือทำอย่างไรดี?
ขี้เกียจอ่านหนังสือทำอย่างไรดี?
หน้าที่สำคัญของวัยเรียนนอกจากการไปโรงเรียน เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์จากห้องเรียนแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งคือ เพิ่มพูนความรู้ด้วยการอ่านหนังสือ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการสอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเก็บคะแนนหรือเลื่อนชั้น ทั้งๆที่รู้ดีว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเรียน แต่หลายคนก็พ่ายแพ้ให้กับความขี้เกียจของตัวเอง ขี้เกียจอ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียน เพราะไม่ว่าจะจับหนังสือครั้งแล้วครั้งเล่า ก็พาให้เบื่อหรือเผลอหลับไป ดังนั้นในวันนี้จึงขอนำวิธีสร้างแรงบันดาลใจ และวิธีเอาชนะความขี้เกียจ มาฝากกัน
2.คิดถึงคนรอบข้าง
ถ้าได้คะแนนหรือเกรดไม่ดี ไม่ใช่แค่ตัวเราที่เสียใจเท่านั้น คนรอบ ๆ ตัวโดยเฉพาะพ่อแม่ก็รู้สึกไม่ต่างกัน และอาจจะเสียใจมากกว่าด้วยซ้ำ ดังนั้นในวันที่ขี้เกียจไม่อยากอ่านหนังสือควรคิดถึงรอยยิ้มและความสุขของพ่อแม่เอาไว้ หากไม่อยากให้พวกเขาต้องเสียใจเริ่มอ่านหนังสือตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า
3. ติวหนังสือกับเพื่อนๆ
อ่านหนังสือคนเดียวคงรู้สึกเหงาไม่น้อย อีกทั้งยังอาจเผลอหลับได้ง่า ๆ ดังนั้นใครที่รู้ว่าตัวเองมีนิสัยแบบนี้ลองชวนเพื่อนๆ มาติวหนังสือด้วยกันซะเลยดีกว่า เพื่อทำให้บรรยากาศในการอ่านหนังสือน่าสนใจ และทำให้ตัวเองอยากอ่านหนังสือมากขึ้น โดยเฉพาะในเวลาที่เห็นเพื่อนๆ ก้มหน้าก้มตาอ่านกัน หลังจากที่อ่านเสร็จแล้ว ผลัดกันถามตอบจะช่วยให้จำได้แม่นยำขึ้น
4.ผ่อนคลายก่อนอ่านหนังสือ
สมองที่เหนื่อยล้าและร่างกายที่อ่อนเพลียมีส่วนทำให้รู้สึกขี้เกียจได้เช่นกัน ฉะนั้นก่อนอ่านหนังสือสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองด้วยการทำตามใจตัวเองสักวัน อย่างเช่น ออกไปช้อปปิ้ง เที่ยวกับเพื่อน ทานข้าวกับครอบครัว ซื้อขนมหวานอร่อย ๆ มาทานสักชิ้นสองชิ้น เพื่อให้สมองและร่างกายได้พักผ่อนจากความตึงเครียดทั้งหลาย และเรียกพลังสำหรับการอ่านหนังสือกลับคืนมา
5.อ่านเรื่องที่สนใจก่อน
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดความขี้เกียจนั่นเป็นเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เรียนยากและคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงหากตั้งใจเรียนไม่มีอะไรเกินความสามารถ ดังนั้นลองถามตัวเองก่อนว่าสนใจ และชอบเรื่องใดเป็นพิเศษบ้าง แล้วเริ่มต้นการอ่านจากบทเรียนหรือวิชานั้น เพราะความชอบและความสนใจจะทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่ายและทำได้ดี ทั้งนี้เพื่อสร้างกำลังใจและแรงบันดาลใจให้กับตัวเองก่อนจะเปลี่ยนไปอ่านวิชาที่ไม่ถนัด
6.เขียนตารางเวลาอ่านหนังสือ
ความขี้เกียจจะทำให้ผัดวันประกันพรุ่งและเลื่อนเวลาอ่านหนังสือไปเรื่อย ๆ ดังนั้นเปลี่ยนวิธีเสียใหม่ โดยเขียนตารางเวลาสำหรับอ่านหนังสือในแต่ละวันอย่างน้อย 2 - 3 ชั่วโมง พร้อมกับเวลาพักช่วงละ 5 - 10 นาที เพื่อบังคับตัวเองให้อ่านหนังสือเป็นนิสัย ช่วงแรก ๆ อาจจะต้องอดทนกันเล็กน้อย แต่หากผ่านเวลานี้ไปได้ความขี้เกียจคงไม่กลับมาแล้วล่ะ อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังนิสัยการอ่านหนังสือให้กับตัวเองด้วย
7.ตัดขาดจากโลกออนไลน์
พวกเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์ก อย่างเช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ รวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ ทั้งโทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป หรือแท็บเล็ตควรลดเวลาในการเล่น หรืองดไปเลย เพราะสิ่งเหล่านี้จะดึงความสนใจของเราไป และทำให้ขี้เกียจอ่านหนังสือมากขึ้น ฉะนั้นเก็บอุปกรณ์เหล่านี้เอาไว้ใช้ หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงสอบไปแล้วดีกว่า
เหล่าไอดอลต่างไม่ว่าจะเป็นศิลปินในประเทศหรือต่างประเทศ
หากย้อนกลับไปดูประวัติของพวกเขาจะเห็นว่าที่มาไม่ธรรมดาจริง ๆ
เพราะบางคนต้องสู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก ส่วนบางคนจำเป็นต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย
ซึ่งเหนื่อยกว่าคนทั่วไปแต่พวกเขาสามารถทำได้ ฉะนั้นหากชอบใครรักใคร
อย่ายึดแค่หน้าตาภายนอกอย่างเดียว เอาความขยันของพวกเขาเหล่านั้น
มาสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง
แค่เปิดเจอหนังสือไปเจอตัวหนังสือเรียงกันเป็นหน้า ๆ
ยิ่งทำให้ความขี้เกียจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ฉะนั้นเปลี่ยนวิธีเป็นการจับใจความสำคัญของเนื้อหาแต่ละบท
รวมเข้ากับทำนองจังหวะดนตรีที่ชอบ เท่านี้ได้เพลงเอาไว้ร้องเพลิน ๆ
แก้อาการเบื่อกับความขี้เกียจได้แล้ว
อีกทั้งยังช่วยให้จำได้ดีกว่าการท่องจำแบบธรรมดาเยอะเลย
ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแต่ละวันมีส่วนที่สร้างความขี้เกียจได้เช่นกัน
โดยเฉพาะนิสัยกินกับนอนเพียงอย่างเดียว ทั้งสองนิสัยที่กล่าวมานี้นอกจากจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพแล้ว
ยังทำให้ขาดความกระปรี้กระเปร่าด้วย
ฉะนั้นควรจะเพิ่มกิจกรรมให้ชีวิตน่าสนใจขึ้นบ้างด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
และนอนหลับให้เพียงพอ เพื่อกระตุ้นความสดชื่นให้กับร่างกาย
และสร้างพลังงานเอาไว้อ่านหนังสือ
หากไม่อยากอ่านหนังสือจริง ๆ
เปลี่ยนไปทบทวนด้วยวิธีอื่น ๆ อย่างเช่น การทำแบบฝึกหัด เพราะสารพัดโจทย์ที่หนังสือให้มาทำให้การอ่านหนังสือสนุกสนานยิ่งขึ้น
อีกทั้งโจทย์ในแต่ละข้อหยิบมาจากจุดสำคัญของเนื้อหา
ดังนั้นการทำแบบฝึกหัดนอกจากจะช่วยให้การอ่านหนังสือน่าสนใจแล้ว
ยังเท่ากับได้อ่านบทสรุปไปด้วยในตัว แล้วความขี้เกียจที่สะสมอยู่จะหายไปในทันที
สร้างแรงดึงดูดและความน่าสนใจ
ด้วยการสร้างเป้าหมายให้กับตัวเองหากอ่านหนังสือได้ครบตามที่กำหนดเอาไว้ อย่างเช่น
ซื้อของที่อยากได้ ขนมที่อยากทาน หรือออกไปเที่ยว
เป็นรางวัลสำหรับความสำเร็จในขั้นแรก
การอ่านหนังสือท่ามกลางความเงียบคงวังเวง
และน่าเบื่อไม่น้อย ฉะนั้นควรจะเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการเพิ่มความสนุกสนานเข้าไป
โดยการเปิดเพลงคลอเบา ๆ ในระหว่างที่อ่านหนังสือ
หรือเปลี่ยนสถานที่ไปใช้บริการจากร้านกาแฟ
หรือห้องสมุดก็ครึกครื้นและน่าสนใจเหมือนกัน อีกทั้งยังมีหนังสืออื่น ๆ
ให้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วย
ทั้งนี้
วิธีการสร้างแรงบันดาลใจและแก้ไขปัญหาเรื่องความขี้เกียจแตกต่างกันไปตามความชอบของแต่ละคน
ฉะนั้นลองหยิบยกวิธีเหล่านี้ไปใช้กัน ส่วนใครที่ยังไม่รู้จะทำวิธีไหนดี
ลองสุ่มผลัดเปลี่ยน
หรือจะนำวิธีของเราไปประยุกต์ให้เข้ากับความต้องการของตัวเองก็ได้ไม่ว่ากัน
และขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านหนังสือกันนะคะ
แหล่งอ้างอิง:http://education.kapook.com/view57116.html
วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)